วันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ธรรมะสุดปลื้ม


เมื่อมารมาผจญ มารจะหมอบราบคาบ เมื่อเราสงบนิ่ง
ไม่ยินดียินร้ายกับ “คำนินทา”ว่าร้าย
ขอให้ติดตาม เรียนรู้ให้พร้อม น้อมนำธรรมะสู่พระนิพพาน
..นินทา คือ ลมปาก เป็นของคู่โลก เป็นเรื่องธรรมดาของโลก
...ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป อย่าเสียใจเมื่อได้ยิน “คำนินทา”
อย่าช้ำใจเมื่อได้ฟัง “ คำนินทา”
อย่าขัดใจเมื่อเผลอคิดถึง “ คำนินทา”

...คำสรรเสริญเยินยอ คือ ลมปาก เป็นของลวง เป็นแค่
ความเพลินผ่านมาแล้วก็ผ่านไป อย่าเสียใจเมื่อไม่ได้ยิน
“คำนินทา”อย่าช้ำใจเมื่อไม่ได้ฟัง เขา “นินทา” อย่าขัดใจ
เมื่อเขาชมเราน้อยไป

...เมื่อประสบกับ “นินทาและสรรเสริญ”...ไม่ควรมึนตึง
ไม่ควรยิ้มร่า ไม่ควรฉุนเฉียว หรือลิงโลดจนเกินงาม
จงเฉยเหมือนไม่ได้ยิน..
อย่ายินดียินร้ายกับ “คำสรรเสริญ และ "คำนิทา”

จงใจหนักแน่น....."..มั่นคงดุจขุนเขา.." “อย่าใจเบาดุจขนนก”
อย่าพกอารมณ์โกรธ โกรธเขาเหมือนเผาตนเอง...

วันเสาร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

 ความทุกข์มาโปรด...........ความสุขโปรดปราย

เมือมีความทุกข์เกิดขึ้น
ถ้าเราขาดสติ เราจะมองไม่เห็นทุกข์
แต้ถ้าเรามีสติเราจะเห็นความทุกข์
ทันทีที่เราเห็น ความทุกข์จะเปลี่ยนคุณภาพเป็นความสุข
ด้วยเหตุนี้พระพุทธองค์จึงตรัสว่า ความทุกข์เป้นความจริงอันประเสริฐ เพราะความทุกข์นำมาซึ่งความสุข
———————————
แท้ที่จริงความทุกข์ก็คือรูปแบบหนึ่งของความสุข เพราะความทุกข์ และ ความสุขล้วนพึ่งพาอาศัยกันและกัน
เขาอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ต้น เรามองไม่เห็น ถ้าเราเห็นด้วยปัญญา เราจะขอบคุณความทุกข์
—————————————————————————————–
ความทุกข์ คือ เมล็ดพันธ์ของความสุข
ความทุกข์ คือ เมล็กพันธ์ของความสำเร็จ
ความทุกข์ คือ เมล็ดพันธ์ของสิ่งดีงามชั้นเลิศในชีวิตของเรา
————————————————————
ถ้าทุกข์ธรรมดาก็ถือว่าเป็น ครูประถม
ถ้าทุกข์หนัก ๆ ก็ถือว่าเป็น ครูมัธยม
แต่ถ้าทุกข์หนักจนน้ำตาเล็ด ก็ถือว่าเป็น ครูระดับมหาวิทยาลัย
————————————————————-
คนที่ไม่ป่วยกายเลยตลอด 120 ปี ก็ยังพอหาได้
แต่ไม่ป่วยใจเลยเพียง 1 นาที นั้นหายากยิ่งยากกว่างมเข็มในมหาสมุทร
——————————————————————
เวลาเจอความตาย ให้บอกตัวเองว่า นี่ คือ
ฉากสุดท้ายที่ทำให้ชีวิตมีความสมบูรณ์
————————————–

วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2556

โดน!!!

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้ไม่โง่
เเต่ถ้าฟังโปเตโต้ ถึงมีรักเเท้เเต่ก็ดูเเลไม่ได้

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้ตาใส่เเจ่ม
เเต่ถ้าฟังบอดี้เเสลม มักจะโทษว่าความรักทำให้คนตาบอด

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้ไม่เพ้อเจ้อ
เเต่ถ้าฟังพีชเมกเกอร์ จะละเมอถึงเเต่เรื่องบนเตียง

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้ปากเราติดดิสเบรก
เเต่ถ้าฟังเบิร์ด-เสก ถึงอมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้ใจเราชอกช้ำ
เเต่ถ้าฟังไอน้ำ จะชอกช้ำเพราะรักคนมีเจ้าของ

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้ไม่เหงาหงอย
เเต่ถ้าฟังเสนาหอย จะเเอบเหงาคนเดียว

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้ไม่งมงายในความเชื่อเเละศรัทธา
เเต่ถ้าฟังทาทา มักจะพูดว่า ไอ บีลีฟๆ

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้รักกันอย่างไม่ต้องนอนละเมอ
เเต่ถ้าฟังไฮเปอร์ มักจะเจอรักแท้ในคืนหลอกลวง

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้ใจไม่เน่าเสีย
เเต่ถ้าฟังนัท มีเรีย มักจะโทษว่า รักไม่ช่วยอะไร

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้รักกันจนสิ้นชีวิน
เเต่ถ้าฟังเอนโดรฟิน เเล้วจะบอกว่า ถ้าเขามาฉันจะไป

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้เราไม่คุยโม้
เเต่ถ้าฟังโปเตโต้ จะถูกต่อว่าปากดีนะเรา

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้เรามีสุขเมื่ออยู่ด้วยกัน เ
เต่ถ้าฟังน้องพั้นซ์ เพียงเเค่วางมือบนบ่า น้ำตาก็ไหล่

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้เราเจอคนดีเสมอ
เเต่ถ้าฟังไฮเปอร์ มักจะเจอผู้ร้ายคนใหม่

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้เราเข้าใจกัน
เเต่ถ้าฟังน้องพั้นซ์ บอกได้คำเดียวว่า ยิ่งกว่าเสียใจ

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้เรารักกันยิ่งกว่าชีวิน
เเต่ถ้าฟังเอนโดรฟิน จะเป็นได้เเค่เพื่อนสนิท

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้จิตใจใสเเจ่ม
เเต่ถ้าฟังว่าน วงเเพลม จะตัดพ้อต่อว่า ไม่บอกให้รู้สักเรื่องได้ไหม

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้ไม่เเรด
เเต่ถ้าฟังบิ๊กเเอส มักจะเล่นของสูง

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้ไม่หยิ่งยะโส
เเต่ถ้าฟังติ๊ก ชีโร่ จะโอหังว่า รักไม่ยอมเปลี่ยนเเปลง

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้จิตใจเปล่งปลั่ง
เเต่ถ้าฟังอาหรั่ง จะคุ้มคลั่งว่า ทำบ้า....ทำบ้าอะไร

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้ดีที่ใจมิใช่เพียงเเค่หน้าตา เ
เต่ถ้าฟังปนัดดา ก็จะรู้เพียงว่า ขอเป็นคนเลวที่รักเธอ

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้ใจไม่สั่นคลอน เ
เต่ถ้าฟังสุนทราภรณ์ เเล้วเธอจะรู้สึก!!

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้ไม่เปลืองเเรง
เเต่ถ้าฟังพรศักดิ์ ส่องเเสง จะเปลืองเเรง เพราะ มีเมียเด็กต้องหมั่นตรวจเช็คใครโทรมา

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้สอบผ่านทุกๆ ปี
เเต่ถ้าฟังเเอน สุชาวดี มักจะติดร.วิชาลืม

วันพุธที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2556

"ความดี 10 ประการ"
1. การให้ทานด้วยรอยยิ้ม (ง่ายมากกก แค่ยิ้มให้คนอื่นด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มค่ะ )

2. การให้ทานด้วยวาจาที่ไพเราะ (พูดเพราะๆ)

3. การให้ความช่วยเหลือผู้อื่น (เช่น ช่วยครูถือของ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน บลาๆ)

4. การให้ทานด้วยทรัพย์สิน (ให้ตังค์ขอทาน หรือบริจาคตามตู้รับบริจาคนั่นแหละค่ะ)

5. การให้ทานด้วยสายตาที่เมตตาปราณี (ยิ้มแบบอ่อนโยนน~)

6. การให้ที่พักอันสะดวกสบายแก่ผู้อื่น (คล้ายๆกับข้อ 10)

7. การอนุโมทนาบุญ (แผ่เมตตา สวดมนต์)

8. การให้ธรรมะ (สอนธรรมะให้คนอื่นฟัง เช่น เบญจศีล เบญจธรรม )

9. การให้อภัย (ถ้าใครทำผิดกับเรา เราก็ควรให้อภัยเขา อย่าไปโกรธ)

10. การให้อาสนะ หรือที่นั่ง (เช่นเวลาที่เราขึ้นรถเมล์ ถ้าเราเห็นมีคนแก่ น้องเล็ก หรือสตรีมีครรภ์ขึ้นรถ ควรสละที่นั่งให้พวกเขา ถือเป็นเป็นความดีที่ทำได้ง่ายอีกอย่างหนึ่ง)
...

วันอังคารที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2556

กลอนธรรมมะโดนใจ
มองอะไร มองให้เห็น เป็นครูสอน
มองไม้ขอน หรือมองคน มองค้นหา
มองเห็นความ เสมอกัน มีปัญญา
มองเห็นว่า ล้วนมีพิษ: อนิจจัง
มองทุกข์สุข ก็จงจ้อง มองให้ดี
มองว่าเป็น อย่างที่ คนเราหวัง
มองว่าเป็น ตามปัจจัย ให้ระวัง
มองจริงจัง ก็จักเห็น เป็นธรรมดา
มองโดยนัย ที่มันสอน จะถอนโศก
มองเยกโยก มันไม่สอน ร้อนเป็นบ้า
มองไม่เป็น โทษผีสาง นางไม้มา
มองถูกท่า ไม่คว้าทุกข์: มองถูกจริง!
-------------------------------------------------

ร้ายอะไร ไม่ร้ายเท่า จะเอาดี
เป็นธุลี จับจิต เกิดริษยา
ชิงดีแล้ว อวดเด่น เห็นออกมา
ตัวกูจ้า บ้าคลั่ง สังเวชใจ
สร้างนรก เป็นที่อยู่ เพราะเหตุนี้
"ตัวกูดี, ตัวกูเด่น" เห็นหรือไม่?
กลัวหมดดี จุดจี้ ให้เกิดไฟ
"เผาตัวเอง" ต่อไป เศร้าใจเอย ฯ

-------------------------------------------------

เป็นมนุษย์ เป็นได้ เพราะใจสูง
เหมือนหนึ่งยูงมีดีที่แววขน
ถ้าใจต่ำ เป็นได้ แต่เพียงคน
ย่อมเสียที ที่ตน ได้เกิดมา
ใจสะอาด ใจสว่าง ใจสงบ
ถ้ามีครบ ควรเรียกมนุสสา
เพราะทำถูก พูดถูกทุกเวลา
เปรมปรีดา คืนวันสุขสันต์จริง
ใจสกปรก มืดมัว และร้อนเร่า
ใครมีเข้า ควรเรียกว่าผีสิง
เพราะพูดผิดทำผิด จิตประวิง
แต่ในสิ่งนำตัว กลั้วอบาย
คิดดูเถิดถ้าใคร ไม่อยากตก
จงรีบยก ใจตนรีบขวนขวาย
ให้ใจสูง เสียได้ ก่อนตัวตาย
ก็สมหมาย ที่เกิดมา อย่าเชือนเอยฯ
-------------------------------------------------

ตากับตีน อยู่กันมา แสนผาสุข
จะนั่งลุกยืนเดิน เพลินหนักหนา
มาวันหนึ่ง ตีนทะลึ่ง เอ่ยปรัชญา
ว่าตีนมีคุณแก่ตา เสียจริงๆๆ
ตีนช่วยพา ตาไป ที่ต่างๆๆ
ตาจึงได้ชมนาง และสรรพสิ่ง
เพราะฉะนั้นดวงตา จงประวิง
ว่าตีนนี้เป็นสิ่ง ควรบูชา
ตาได้ฟังตีนคุยโม้ ก็หมั่นไส้
จึงร้องบอกออกกไป ด้วยโทสา
ว่าที่ตีนเดินไปได้ ก็เพราะตา
ดูมรรคา เศษแก้วหนาม ไม่ตำตีน
เพราะฉะนั้น ตาจึงสำคัญกว่า
ตีนไม่ควรจะมาคิดดูหมิ่น
สรุปแล้ว ตามีค่า สูงกว่า ตีน
ทั่วธานินทร์ ตีไปได้ก็เพราะตา
ตีนได้ฟัง ให้คั่งแค้น แสนจะโกรธ
วิ่งกระโดดโลดไปใกล้หน้าผา
เพราะอวดดี คุยเบ่ง เก่งกว่าตา
ดวงชีวา จะดับไป ไม่รู้เลย
ตาเห็นตีน ทำเก่งเร่งกระโดด
ก็พิโรธ แกล้งระงับ หลับตาเฉย
ตีนพาตา ถลาล้ม ทั้งก้มเงย
ตกแล้วเหวย หน้าผา ทั้งตาตีน
-------------------------------------------------

พระพุทธะ พระธรรมะ และพระสงฆ์
ล้วนต่างองค์ เป็นสามพระ หรือไฉน
หรือเป็นองค์ เดียวกัน ที่ชั้นใน
ดูเท่าไร ก็ไม่เห็น เป็นสามองค์
นั่นถูกแล้ว ถ้าดูกัน แต่ชั้นนอก
คือดูออก มีพุทธะ จอมพระสงฆ์
ได้ตรัสรู้ ซึ่งพระธรรม ทรงจำนง
สอนพระสงฆ์ ทั้งหลาย ให้รู้ตาม
แต่เมื่อดู ชั้นใน กลับได้พบ
ว่าธรรมหนึ่ง ซึ่งอยู่ครบ ในพระสาม
ทั้งพุทธ สงฆ์ หรือว่าองค์ พระธรรมงาม
ล้วนมีความ สะอาด สว่าง สงบ บรรจบกันฯ
-------------------------------------------------

งานวันเกิดที่ยิ่งใหญ่ใครคนนั้น ฉลองกันในกลุ่มผู้ลุ่มหลง
หลงลาภยศ สรรเสริญ เพลินกมล วันเกิดตนชีพสั้นเร่งวันตาย
ณ มุมหนี่งซึ่งเหงาน่าเศร้าแท้ หญิงแก่แก่ซึ่งหงอยและคอยหาย
โอ้วันนี้ในวันนั้นอันตราย แม่คลอดสายโลหิตแทบปลิดชนม์
วันเกิดลูกนั้นคล้ายวันตายแม่ เจ็บท้องแท้สักเท่าไรก็ไม่บ่น
กว่าอุ้มครรภ์จะคลอดรอดเป็นคน เติบโตจนมาบัดนี้นี่เพราะใคร
แม่เจ็บเจียรขาดใจในวันนั้น กลับเป็นวันลูกฉลองกันผ่องใส
ได้ชีพแล้วก็หลงระเริงใจ ลืมผู้ให้ชีวิตอนิจจา
ไฉนหนอเขาเรียกกันว่าวันเกิด วันผู้ให้กำเนิดจะถูกกว่า
คำอวยพรที่เขียนควรเปลี่ยนมา ให้มารดาเป็นสุขจึงถูกแท้
เลิกจัดงานวันเกิดกันเถิดหนา แล้วหันมาคุกเข่ากราบเท้าแม่
ควรคิดถึงพระคุณอบอุ่นแท้ อย่ามัวแต่จัดงานประจานตัว
-------------------------------------------------

ผิดแล้วรู้จักแก้ = ที่แท้คือบัณฑิต

ผิดหนึ่งพึงจดไว้ ในสมอง
เร่งระวังผิดสอง ภายหน้า
สามผิดเร่งคิดตรอง จงหนัก เพื่อนเอย
ถึงสี่อีกทีห้า หกซ้ำ อภัยไฉน ฯ
-------------------------------------------------

ขอพวกเราทั้งหลายจำไว้เถิด
ว่าการเกิดนี้ลำบากยากนักหนา
ครั้นคนเราได้กำเนิดเกิดขึ้นมา
ก็กลับพากันถึงซึ่งความตาย
(หลวงวิจิตรวาทการ)

ต้องเวียนเกิดเวียนตายตามบุญบาป
เมื่อไรทราบธรรมแท้ไม่แปรผัน
ไม่ต้องเกิดไม่ต้องตายสบายครัน
มีเท่านั้นใครหาพบจบกันเอย
(ท่านพุทธทาสภิกขุ)

กายนี้ท่านเปรียบดั่งท่อนไม้
ครั้นดับไปสมมติว่าเป็นผี
เครื่องเปื่อยเน่าสะสมถมปฐพี
เหมือนกันทั้งผู้ดีและเข็ญใจ
(เจ้าพระยาคลัง หน)

อันรูปรสกลิ่นเสียงนั้นเพียงหลอก
ไม่จริงดอกอวิชชาพาให้หลง
อย่าลืมนะร่างกายไม่เที่ยงตรง
ไม่ยืนยงทรงอยู่คู่ฟ้าเอย
(จากหนังสือเก่าโบราณ)

กลางทะเลอวกาศที่เวิ้งว้าง
สรรพสิ่งได้ถูกสร้างแปลงไว้
จากดินน้ำลมและไฟ
ก่อเกิดเป็นสิ่งใหม่เรื่อยมา

เมื่อถึงคราวแตกดับ
สรรพสิ่งก็หมุนกลับไปหา
ธรรมชาติเดิมแท้นั้นอีกครา
เวียนกลับไปกลับมาอยู่อย่างนั้น
(สมภาร พรหมทา)
-------------------------------------------------

ยามเจ้ามา เอาอะไร มาด้วยเจ้า
เจ้าจะเอา แต่สุข สนุกไฉน
ยามเจ้าไป เจ้าจะ เอาอะไร
เจ้าก็ไป ตัวเปล่า เหมือนเจ้ามา
-------------------------------------------------

ข้าพเจ้าขอตั้งจิตอุทิศผล บุญกุศลนี้แผ่ไปให้ไพศาล
แด่บิดามารดาครูอาจารย์ ทั้งลูกหลานญาติมิตรสนิทกัน
คนเคยร่วมทำงานการทั้งหลาย ขอให้ได้ในกุศลผลของฉัน
ทั้งเจ้ากรรมนายเวรและเทวัญ ขอให้ได้ร่วมกันกับฉันเทอญ.